ธวัชชัย สุขุม cover photo
ธวัชชัย สุขุม
ธวัชชัย สุขุม
ผู้ก่อตั้งช่อง Beeyond Channel ผู้ติดตามกว่า 180,000 คนและวิทยากรสอน YouTube ทั้งภาครัฐและเอกชนกว่า 3 ปี
ผมเริ่มทำช่อง Youtube เมื่อปี 2018 โดยคลิปแรกที่ลงนั้น เป็นคลิปโปรโมทร้านก๋วยเตี๋ยวของผมเอง . ตอนนั้นบอกตรงๆ ครับว่า ผมไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับ Youtube เลย รู้แค่ว่าเอาไว้ดูวีดีโอต่างๆที่เราชอบ และสามารถลงวีดีโอได้เท่านั้นเอง . หลังจากนั้นมีเพื่อนคนนึง ที่เรียนการสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์มาด้วยกัน บอกกับผมว่า "Youtube สามารถสร้างรายได้ได้นะ" . ผมก็เลยลองศึกษา โดยดูจากทั้งช่องไทยและช่องต่างประเทศ ก็เลยรู้ว่า Youtube สามารถสร้างรายได้ จากค่าโฆษณาที่ปรากฎในวีดีโอของเราได้ ผมก็เลยอยากลองทำดูอย่างจริงจัง . โดยเริ่มจากทำคลิปสอนตัดต่อวีดีโอ . จากนั้นก็ลองเปลี่ยนไปเรื่อยครับ สอน Facebook บ้าง สอนแต่งภาพบนมือถือบ้าง เรียกได้ว่าสอนไปเรื่อยแบบจับฉ่ายสุดๆ ทั้งๆที่ไม่ได้เก่งเลยสักอย่างครับ 555+++ . แต่ผมก็ไม่สนครับ เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่ว่า "ผมเก่งหรือไม่เก่ง" แต่สำคัญที่ "ผมได้เริ่มลงมือทำแล้ว" ต่างหาก . หลายคนเข้าใจผิดว่า การทำช่อง Youtube ได้นั้น ต้องพูดเก่งก่อน ต้องตัดต่อเก่งก่อน หรือต้องมีอุปกรณ์ดีๆ ก่อน ถึงจะ "พร้อม" ในการลงมือทำ . มันไม่ใช่แบบนั้นเลยครับ . เพราะจริงๆ แล้วการที่คนเรา จะเก่งได้นั้นไม่ว่าเรื่องอะไร มันเกิดจากการ "ทำไป เรียนรู้ไปจนเก่ง" ต่างหาก . สมมุติถ้าเราอยากขับรถเป็น เราไม่มีวันที่จะนั่งดูครูสอนขับรถ ขับให้เราดูแล้วพอเรามาขับเอง เราจะขับเก่งได้เลยในทันทีจริงไหมครับ . ดังนั้นเราจะไม่มีวันพร้อม ไม่มีวันเก่ง ตราบใดที่ยังไม่ลงมือทำครับ . ตอนที่ผมเริ่มทำอย่างจริงจังนั้น ผมเลือกที่จะทำคลิปสอนตัดต่อวีดีโอ ก็เพราะคิดแค่ว่า "มันเท่ดี" แค่นั้น . เพราะสมัยก่อนไม่เหมือนสมัยนี้ครับ . สมัยก่อนการตัดต่อวีดีโอ ต้องทำในคอมพิวเตอร์เท่านั้น ยังไม่สามารถทำในมือถือได้ เหมือนในสมัยนี้ . ผมจึงคิดว่าคงเท่น่าดูถ้าเราสอนเรื่องนี้ 555++ แต่อย่าเข้าใจว่าผมตัดต่อเก่งนะครับ เอาจริงๆ คือไม่เป็นเลยดีกว่า . ผมก็แค่ทำไปเรียนรู้ไปโดยเริ่มต้นจากศูนย์เลย ก็คือรู้แค่ไหนสอนแค่นั้นเท่านั้นเองครับ . ตอนที่ผมเริ่มทำนั้น มีปัญหาอุปสรรคเยอะแยะมากมายครับ . อุปกรณ์ก็ไม่มี จะมีก็แค่มือถือ กับคอมพิวเตอร์เก่าๆเครื่องนึง พูดก็ไม่ค่อยเป็น ตัดต่อก็ไม่เป็น เรียกได้ว่าแทบจะเริ่มต้นจากศูนย์เลย . แต่ด้วยความที่อยากจะเริ่มต้นทำให้ได้ ผมก็ไปศึกษามาก่อนว่า มันจะต้องมีอุปกรณ์อะไรบ้าง . สมัยนั้นถ้าให้ดีคือต้องมีกล้องใหญ่ แต่ผมมีเพียงมือถือเครื่องเดียว ตอนนั้นผมใช้ Note5 ซึ่งเป็นรุ่นเก่า แล้วก็ต้องมีไมค์ มีขาตั้งมือถือ . สิ่งที่ผมหาได้อย่างเดียวตอนนั้นก็คือ "ไมค์" เป็นไมค์ติดปกซื้อมาไม่กี่ร้อยบาทครับ . ส่วนอุปกรณ์อย่างอื่น เช่น กล้อง ไฟสตู คอมพิวเตอร์เครื่องใหม่ (เครื่องที่ใช้อยู่เก่าถ้าใช้งานตัดต่อวีดีโอต้องรีสตาร์ททุก 15 นาที) ถ้าจะลงทุนก็คงหลักหลายพันหรือเป็นหมื่น ซึ่งผมยอมรับว่ายังไม่พร้อมครับ . ฉะนั้นผมจึงใช้มือถือเก่าๆ กับคอมเก่าๆ นี่แหล่ะ ส่วนไฟก็ถอดจากหลอดหน้าห้องมา 2 ดวง แล้วเอาเก้าอี้ เอาลัง มาต่อเป็นขาตั้งไฟ ส่วนไฟก็ซื้อกระดาษไขแผ่นละ 3 บาท มาหุ้มอีกที (เพราะจะได้ช่วยกรองแสงให้นุ่มไม่แสบตามาก) . และตามภาพเลยที่คือห้องสตูแรกของผมครับ . เท่านั้นยังไม่พอ ผมยังมีปัญหาอีกคือ พูดไม่เป็น และตื่นเต้นมากเวลาอยู่หน้ากล้อง . คลิปแรกๆ กว่าจะทำออกมาได้ ต้องอัดซ้ำแล้วซ้ำอีก จะพูดยาวๆจนจบไปเลยก็ไม่ได้ เพราะยังพูดไม่คล่อง . แถมเหนื่อยจากการเก็บร้านก๋วยเตี๋ยวอีก ถ้าทุกคนลองไปย้อนดูคลิปเก่าๆผม จะเห็นว่าหน้าผมนี่ทั้งดำ ทั้งมันมาก ผมก็ยุ่ง ออกอาการอ่อนเพลียอย่างเห็นได้ชัด . กว่าจะได้ 1 คลิป ผมใช้เวลาเกือบ 2 สัปดาห์ ครับ . เนื่องจากยังพูดไม่คล่อง ผมจึงใช้วิธีพูดทีละนิดแล้วกดหยุดคลิป แล้วพอนึกได้ก็กดอัดคลิปพูดต่อ พอพูดต่อไม่ได้ก็กดหยุด นึกได้ก็กดอัดพูดต่ออีก....... ผมทำวนอยู่แบบนี้ตลอดครับในช่วงแรกๆ . ฉะนั้นผมจึงมีคลิปดิบเยอะมากครับ บางครั้งมีเกือบ 200 คลิป แล้วก็นำไปตัดต่ออีกที . ไม่ต้องถามเลยครับว่าตัดต่อเหนื่อยไหม เหนื่อยสุดๆ เนื่องจากมีคลิปดิบเยอะมาก แถมคอมพิวเตอร์ก็เก่าตัดต่อไปไปค้างไป ต้องรีสตาร์ทเครื่องทุกๆ 15 นาที . พอตัดต่อเสร็จก็ต้อง Export ออกมา เนื่องจากเครื่องมันเก่า Export ทีต้องรอ 2-3 ชม. . ทั้งหมดนี้คือเหตุผลที่ ผมใช้เวลาทำคลิปๆนึง ต้องใช้เวลาถึง 2 สัปดาห์ . ผมขยันทำอยู่แบบนี้มานานเป็นปีครับ . หลายคนเดาว่าคงจะประสบความสำเร็จ คลิปยอดวิวเยอะ ช่องโตไว ใช่ไหมครับ เพราะขยันทุ่มเทขนาดนี้ . เปล่าเลยครับ . ยอดวิวหลักสิบ ยอดผู้ติดตามแทบไม่ขึ้น ผมพยายามอดทนทำต่อและมองในแง่ดีว่า ช่องเพิ่งจะทำได้ไม่กี่เดือน และคลิปอาจจะยังน้อยอยู่ . แต่ถึงจะมองโลกในแง่ดีแค่ไหน ผมก็เริ่มท้อบวกกับความเหนื่อยจากทำร้านก๋วยเตี๋ยวด้วย . ผมสู้ไปอีกระยะหนึ่ง แล้ววันหนึ่งมันก็มาถึงจุดที่ต้องตัดสินใจ "ทำต่อ" หรือ "พอแค่นี้" . รวมระยะเวลาการทำประมาณเกือบ 2 ปี มีคลิปประมาณ 100 คลิป ได้ . ผมก็เลยตัดสินใจ "เลิกทำ" ครับ . แต่หลังเลิกทำไปประมาณไม่ถึงเดือน ผมก็มาดูยอดวิวอีกที . ปรากฎว่ามีอยู่คลิปหนึ่งชื่อคลิปว่า "สร้างจุดเช็คอินร้านง่ายๆ ใน 5 นาที" . คลิปนี้มียอดวิวพุ่งสูงมากครับ ขึ้นถึงหลักแสนวิวภายในไม่กี่วัน ทำให้ช่องผมผ่านกฎสร้างรายได้ Youtube 1,000 sub / 4,000 ชม. เพราะคลิปนี้คลิปเดียว . หลังจากนั้นคลิปอื่นๆในช่องผมก็ยอดวิวดีขึ้นตาม ผมดีใจมากครับ อาการที่บอกว่า "ดีใจจนเนื้อเต้น" มันเป็นแบบนี้นี่เอง . เพราะหลังจากผ่านกฎสร้างรายได้ ยอดเงินในช่องในแต่ละคลิปก็เริ่มขึ้นครับ . จากนั้นผมจึงกลับมาทำใหม่อีกครั้ง ทีนี้ลุยทำแบบชนิดไม่กลัวเหนื่อยเลยครับ เพราะในใจคิดว่า "จะรวยแล้ว" . แต่......พอผมทำไปอีกประมาณ 2-3 เดือน . มันก็ไม่เป็นอย่างที่คิดอีกครับ แม้ผมจะมีคลิปหลักแสนวิวในช่อง และเริ่มมีผู้ติดตามเพิ่มมากขึ้นก่อนหน้านี้ . แต่รายได้ก็ยังน้อยอยู่ (ไม่ถึง 100$ ต่อเดือน) . แถมยิ่งทำคลิปลงมากเท่าไร ยอดวิวยอดผู้ติดตาม และรายได้ก็เริ่มลดลง . ตอนนั้นผมรู้สึกเครียดมากครับ เพราะก่อนหน้านี้ได้บอกครอบครัวไปว่า ช่อง Youtube เริ่มมีรายได้แล้ว อีกหน่อยไม่ต้องทำร้านก๋วยเตี๋ยวแล้ว . แต่ถึงจะเครียดผมก็ยังสู้ต่อครับ เอาให้สุดกำลังแม้ในแต่ละวัน จะเหนื่อยกับร้านก๋วยเตี๋ยวมากแค่ไหน . ผม สู้ สู้ และสู้ จนวันหนึ่งเริ่มถึงขีดสุดครับ . โดยที่วันหนึ่งระหว่างถ่ายคลิป ผมร้องไห้ออกมา ซึ่งปกติผมไม่ค่อยร้องไห้ครับ . ถ้าใครเคยเหนื่อยแบบถึงขีดสุด เหนื่อยต่อเนื่องมานาน เหนื่อยจนล้น จนอั้น จะเข้าใจความรู้สึกนี้ดีครับว่า น้ำตามันออกมาเอง . ยอดวิวก็น้อย ยอดเงินก็ลดลง กว่าจะได้แต่ละคลิปเหนื่อยแทบขาดใจ ผสมกับความเหนื่อยล้าจากการทำร้านก๋วยเตี๋ยวอีก . และเป็นอีกครั้งที่ผมตัดสินใจ "เลิกทำอย่างถาวร" และบอกครอบครัวไปตรงๆ ครอบครัวก็เข้าใจครับ . หลังจากวันนั้น ผมก็ไม่ได้เข้าไปดูช่องตัวเองอีกเลย ยอดวิว ยอดผู้ติดตามมันจะขึ้นจะลง ก็ปล่อยไปตามยถากรรม . ผมจึงมุ่งมั่นทำร้านก๋วยเตี๋ยวต่อ แล้วก็พยายามหาความรู้อยู่เสมอ ไปลงคอร์สนั้น คอร์สนี้บ้าง โดยเน้นไปเรื่องของการทำออนไลน์ . และแล้ว...... . เรื่องราวต่อจากนี้ไป ถือว่าสำคัญมากครับ เพราะมันเป็นช่วงเวลาที่ เปลี่ยนชีวิตของผมไปโดยสิ้นเชิง . ก่อนหน้าที่ผมจะทำช่อง Youtube ที่ผมบอกทุกคนว่า ผมได้เข้าคอร์สเรียน เรื่องการสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์ จำได้ไหมครับ . คอร์สนี้จะมีกลุ่ม Line ที่ให้คนที่เรียนได้ปรึกษากัน ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ได้โชว์ผลงานกัน . ซึ่งปกติผมจะคอยเข้าไปดูในกลุ่มอยู่ตลอด ว่าเพื่อนๆ ทำอะไรกันบ้าง . แต่พอเลิกทำช่อง Youtube ครั้งที่ 2 ผมก็ไม่ได้เข้าไปในกลุ่มอีกเลย . แต่พอผ่านไป 3 เดือนหลังจากเลิกทำ อยู่ๆผมก็นึกถึง และลองเข้าไปในกลุ่ม Line ดูสักหน่อย . ปรากฎว่าเพื่อนๆ ในกลุ่ม ยังลงมือทำกันอยู่เลย แต่ละคนเข้ามาโชว์ผลงาน ให้คำปรึกษาให้กำลังใจซึ่งกันและกัน . โดยเฉพาะมีน้องผู้หญิงคนหนึ่ง ที่บ้านเปิดร้านขายข้าวแกง แถมต้องเลี้ยงลูกเล็ก 3 คน น้องยังลงมือทำอยู่อย่างสม่ำเสมอเลย . วินาทีนั้นผมรู้สึกละอายใจมาก ทั้งๆที่น้องเขาเหนื่อยกว่าเราเยอะ เราเป็นผู้ชายแท้ๆ ดันท้อเลิกทำง่ายๆ . ผมจึงลองเข้าไปคุยในกลุ่ม และบอกปัญหาของผมลงไป แล้วเพื่อนๆ ก็ให้กำลังใจผม ทำให้ผมฮึดและลุกขึ้นสู่ต่ออีกครั้ง . จากนั้นผมจึงลองมานั่งทบทวนปัญหา โดยการไล่ย้อนดูคลิปที่ทำ และไล่ดูคอมเมนต์ต่างๆในข่อง . เท่านั้นแหล่ะผมถึงบางอ้อทันที . มีหลายคอมเมนต์เลยครับที่ด่าผม ทั้งด่าแบบดี และด่าแบบไม่ดี . สอนไม่รู้เรื่องบ้างล่ะ ยืดเยื้อน่ารำคาญบ้างล่ะ . แถมผมลองไล่ย้อนดูแต่ละคลิป บางคลิปในบางช่วงไม่มีเสียงก็มี สอนไม่ครบขั้นตอนก็มี . ทำให้ผมรู้แล้วครับว่า ปัญหาที่แท้จริงที่ทำให้ช่องไม่โตก็คือ "ตัวเราเอง" . ผมแทบไม่เคยดูคอมเมนต์เลย ตัดต่อเสร็จไม่เคยตรวจสอบก่อนเลย ไม่เคยดูสถิติหลังบ้าน Youtube เลย ไม่เคยสนใจเลยว่าคนดูเข้ารู้สึกยังไง ดูคลิปแล้วเป็นยังไง เข้าใจไหม หรือ ต้องปรับปรุงอะไร . คิดเพียงอย่างเดียวว่า "จะลงคลิปให้มากที่สุด จะได้ได้เงินเยอะๆ" . อีกอย่างคือผมทะนงตัว คิดว่าตัวเองจะดังแล้ว ทำคลิปลงให้ดูยากเข้าไว้ คนจะได้มองว่าเราเก่ง เราแน่ . คนดูที่เข้ามาดูคลิปใน Youtube นั้น เขาไม่ได้มองว่าคนที่สอนเก่งคือ คนที่สอนให้ดูยาก หรือ ใช้ศัพท์ยากๆ หรอกครับ . แค่คือคนสอนที่สามารถ "ย่อยเรื่องยากให้เข้าใจง่าย" มากกว่า . จากนั้นผมก็เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง จากเดิมที่คิดว่าต้องเร่งทำ ให้มีประมาณคลิปเยอะๆ . เปลี่ยนเป็นไม่ต้องเร่ง เน้นทำ 1 คลิปให้ดีที่สุด ตรวจสอบให้ละเอียดที่สุด โดยการดูคลิปหลายๆ รอบก่อนลง Youtube . ช่วงแรกที่เริ่มทำช่อง ผมใช้เวลา 2 สัปดาห์ กว่าจะได้สักคลิปนึงใช่ไหมครับ . แต่หลังจากนั้น เนื่องจากผมทำต่อเนื่องไม่หยุด ผมจึงเริ่มคล่อง พูดคล่องขึ้น ตัดต่อเก่งขึ้น . ทำให้ได้จำนวนคลิปมากขึ้น 3-4 คลิปต่อเดือน . แต่พอตอนที่ผมรู้ปัญหาแล้ว ทำให้ผมรู้ว่าผมเร่งลงคลิปมากเกินไป ไม่ตรวจสอบก่อนลง . ผมจึงไม่สนใจแล้วครับว่า เดือนนึงจะได้กี่คลิป ผมสนใจแค่ว่า "คลิปดูแล้วคนดูจะเข้าใจไหม" . ฉะนั้นแม้เดือนนึงผมจะทำได้แค่คลิปเดียว แต่ก็ขอให้เป็นคลิปที่มีคุณค่ามากที่สุด คนดู ดูแล้วต้องทำตามได้ ดูแล้วต้องเข้าใจง่าย . แล้วก็หมั่นคอยตอบคอมเมนต์ คอยดูสถิติหลังบ้าน Youtube อยู่เสมอ หมั่นทำ SEO และหมั่นหาความรู้เพิ่มเติมในเรื่องที่เราทำเสมอ . หลังจากนั้นช่องผมก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ มีรายได้จาก Youtube มากขึ้นเรื่อยๆ และมากพอที่จะเลิกทำร้านก๋วยเตี๋ยวได้ . ในที่สุดผมก็เลิกทำร้านก๋วยเตี๋ยว มาเป็น Youtuber เต็มตัว ให้แฟนได้พักไม่ต้องเหนื่อย เพราะผมจะหาเงินคนเดียวพอ . และปลายปี 2021 ช่องผมก็มีผู้ติดตาม 1 แสน sub ได้โล่เงินมาด้วยความภาคภูมิใจครับ . จากนั้นนอกเหนือจากรายได้จาก Youtube แล้ว ผมก็มีโอกาสดีๆ อีกมากมายเข้ามาในชีวิตครับ . มีหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน เชิญผมไปเป็นวิทยากรสอน Youtube และได้มีโอกาสร่วมงานกับทาง Youtube Thailand ด้วยการเป็น Youtube Contributor อยู่ช่วงหนึ่ง . และผมได้เปิดคอร์สออนไลน์สอน Youtube มาหลายรุ่น มีลูกศิษย์เป็นร้อยคน สร้างคนประสบความสำเร็จมาแล้วหลายช่อง . แล้วผมก็ได้มีโอกาสได้ออกหนังสือเป็นของตัวเอง ชื่อหนังสือ "เป็น Youtuber เงินล้าน ด้วยมือถือเครื่องเดียว" ติดอันดับเป็น Best Seller มาแล้วหลายเดือน . จากก้าวแรกห้องสตูเก่าๆ มาจนถึงจุดนี้ประสบการณ์สอนให้ผมเข้าใจว่า ถ้าอยากทำช่อง Youtube ให้สำเร็จ Mindset ที่ต้องมีคือ "ความเป็นผู้ให้" . ก่อนทำคลิปทุกครั้ง ต้องตั้งคำถามเสมอว่า "คลิปนี้เราจะให้อะไรคนดู" . ให้เสียงหัวเราะ ให้ความรู้ ให้ความบันเทิง . พอรู้แล้วว่าจะให้อะไรคนดู ก็ให้ตั้งใจทำคลิป ๆ นึงให้ดีที่สุดครับ "เน้นคุณภาพ ไม่เน้นปริมาณ" . ถ้าเรื่องที่ทำมันยาก ก็ย่อยให้มันง่ายเพื่อให้คนดู ดูแล้วเข้าใจง่ายๆ . สรุปง่ายๆ คือ คิดถึงความรู้สึกคนดูให้มากๆ . เพราะอย่าลืมว่า รายได้ Youtube มาจากค่าโฆษณาที่อยู่ในคลิป ถ้าไม่มีคนดูคลิปแล้ว เราจะมีรายได้จากค่าโฆษณาได้ยังไงจริงไหมครับ

    ประวัติโดยย่อ
    - วิทยากรสอน YouTube ทั้งภาครัฐและเอกชนกว่า 3 ปี
    - ผู้ก่อตั้งช่อง Beeyond Channel ผู้ติดตามกว่า 180,000 คน
    - เจ้าของหนังสือ Best Seller "เป็น Youtuber เงินล้าน ด้วยมือถือเครื่องเดียว"

0.0 คะแนนเฉลี่ย

1 คอร์ส