คุณคงเคยเจอเพื่อนคนที่ทำงานหนัก เอกสารกองท่วมโต๊ะทำงาน ต้องวิ่งไปประชุมหลายๆแห่งในแต่ละวัน ชวนไปเที่ยวไหนไปไม่ได้เนื่องจากติดธุระตลอด ทว่าว่าเรากลับไม่เห็นว่าเพื่อนคนนี้ก้าวหน้าในหน้าที่การงานเท่าใดนัก การที่คนบางคนชอบทำตัวดูยุ่งตลอดเวลาอาจจะทำให้ดูเหมือนว่าเขาเป็นคนขยัน
เป็นไปได้หรือไม่ว่าวิธีการที่เขาใช้นั้นอาจจะไม่มีประสิทธิภาพทำให้ไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการเลยต้องทำงานหนักมากขึ้น ?
“สิ่งสำคัญไม่ได้อยู่ที่คุณว่าทำงานหนักแค่ไหน แต่สำคัญอยู่ที่ว่าคุณมีผลลัพธ์เท่าใดต่างหาก”
เคล็ดลับข้อที่ 1: ทำที่สำคัญ
หลายๆคนอาจจะสงสัยต่อว่าแล้วทำอย่างไรจึงจะเกิดผลลัพธ์ล่ะ คำตอบก็คือเรื่องของการจัดลำดับความสำคัญของสิ่งต่างๆในชีวิตประจำวัน ซึ่งวิธีที่ผมแนะนำก็คือ Priority Metric หลายๆคนคงเคยได้ยินวิธีนี้กันมาบ้างแล้ว
Priority Metric จะแบ่งงานออกเป็นสี่ประเภทดังต่อไปนี้
เคล็ดลับของเราข้อแรกก็คือ ทำที่สำคัญ เมื่อเรารู้จักจัดการเวลาและทำ สิ่งที่สำคัญแต่ไม่เร่งด่วน อยู่เป็นประจำแล้ว เช่นการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ สิ่งที่สำคัญและเร่งด่วน ทางด้านซ้ายบน เช่น ป่วยหนักเพราะไม่ออกกำลังกายก็จะไม่เกิดขึ้น ส่วนตารางด้านล่างก็คือ สิ่งที่ไม่สำคัญทั้งเร่งด่วนหรือไม่เร่งด่วน ก็ตามควรจะตัดทิ้งไป ยกตัวอย่างเช่น การไปงานเลี้ยงสังสรรค์ต่างๆ บางช่วงเวลาเราอาจจะทำกิจกรรมเหล่านี้มากเกินความจำเป็นอาจจะเนื่องด้วยนิสัยขี้เกรงใจ เราควรจะต้องหัดที่จะพูดว่า “ไม่” บ้างก็ได้
เคล็ดลับข้อที่ 2: ทำทีละอย่าง
บางคนจะคิดว่าการทำงานหลายๆ งานพร้อมๆ กัน นั่นน่าจะหมายความว่าเราสามารถงานทั้งหมดของเรานั้นเสร็จเร็วยิ่งขึ้น แต่ในความจริงแล้วกลับตรงอันข้ามเพราะจะกลับกลายเป็นว่าเรามีหลายๆเรื่องที่ไม่เสร็จพร้อมๆกันแทน เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น ?
ทั้งนี้ในขณะที่เราจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งต่อเนื่องเป็นเวลานานจนกระทั้งงานนั้นๆเสร็จ จะทำเราสามารถดึงศักยภาพของสมองออกมาใช้ได้มากกว่าการที่เราสลับงานไปมาทำให้กลไกของสมองนั้นต้องถูกสวิตช์ตามไปด้วย
วิธีการฝึกให้เราเป็นคนที่สามารถจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้เป็นเวลานานมากขึ้นก็คือ ลองแบ่งเวลาในแต่ละวันสั้นๆเพียง
10 -15 นาที อยู่กับตัวเองให้มาก หรือ การฝึกนั่งสมาธิเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอก็ช่วยทำให้เราเป็นคนที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
เคล็ดลับข้อที่ 3: ทำที่ถนัด
เคล็ดลับข้อสุดท้ายก็คือ ทำในสิ่งที่เราถนัดจะช่วยให้เราลดเวลาในการทำนั้นๆลง เคยมีมุขตลกร้ายของต่างประเทศกล่าวไว้ว่า “ เงินสามารถซื้อได้ทุกอย่าง 80 เปอร์เซ็นต์บนโลก” ซึ่งเราอาจจะนึกในใจว่าโชคดียังมีของบางสิ่งอีก 20 เปอร์เซ็นต์ เช่น เวลา นั้นเงินซื้อไม่สามารถซื้อได้ แต่ความจริงแล้วประโยคข้างต้นนั้นยังกล่าวไม่จบ ประโยคเต็มๆของมันก็คือ “ เงินสามารถซื้อได้ทุกอย่าง 80 เปอร์เซ็นต์บนโลก ส่วนอีก 20 เปอร์เซนต์นั้นเงินสามารถซื้อได้ถ้ามันมากพอ”
คนบางคนใน 1 วันเขามีเวลามากกว่า 24 ชั่วโมง ทั้งนี้เนื่องจากเขาใช้เงินจ้างคนอื่นมาทำในสิ่งที่ตัวเขาไม่ถนัดส่วนตัวเองจะได้มีเวลาไปโฟกัสกับสิ่งที่สำคัญเท่านั้นตามที่ได้กล่าวไว้ในข้อที่ 1
เหลือเวลาอีกเพียงแค่เดือนเดียวเท่านั้น ก็จะเข้าสู่เทศกาลปีใหม่กันอีกแล้ว เวลาในปี ๆ หนึ่งนั้นผ่านไปไวเหมือนโกหก สิ่งที่เราตั้งใจจะทำในปีที่ผ่านมาเราได้ใช้เวลาทำมันอย่างคุ้มค่าหรือไม่ ขณะที่ยังไม่ทันจะหมดปี ตอนนี้บางคนอาจจะเตรียมจะเขียน New’s year resolution สำหรับปีหน้ากันแล้ว
ก่อนจะทำแบบนั้น วันนี้ทาง SkillLane หวังว่า 3 เคล็บลับง่ายๆนี้ทำให้ท่านผู้อ่านทุกคนสามารถใช้เวลาที่เหลืออยู่อีก 1 เดือนในปีนี้ให้คุ้มค่ามากยิ่งขึ้นนะครับ